FAQ
Q1. อยากมีผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์เป็นของตัวเอง ต้องทำยังไงบ้าง
เริ่มแรกทางลูกค้าควรเตรียมตัวลองศึกษารายละเอียดเบื้องต้นก่อนว่าอยากมีผลิตภัณฑ์อะไร เช่น
- อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทไหนที่ต้องการจ้างโรงงานผลิตอาหารเสริม
- สรรพคุณ คุณประโยชน์ หน้าที่ของผลิตภัณฑ์
- รูปแบบผลิตภัณฑ์ เป็นเม็ด แคปซูล ผง หรือ ซอฟเจลาตินแคปซูล
- ตัวอย่างสินค้าใกล้เคียง
- รูปแบบบรรจุภัณฑ์ เป็นกระปุกแก้ว พลาสติก กล่องกระดาษ ถุง หรือซอง
- ขนาดบรรจุ 10 15 30 แคปซูล ต่อกล่อง/กระปุก
ซึ่งรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ เป็นเหมือนการเตรียมตัวก้าวแรกก่อนการเข้ามาใช้บริการ OEM/ODM กับเรา เมื่อมีรายละเอียดที่ชัดเจนทางเราก็สามารถให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมได้อย่างถูกต้องและตรงความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น การเลือกวัตถุดิบสารสกัดที่เหมาะสม การพัฒนาสูตรให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและแตกต่าง การออกแบบและคัดสรรบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน ข้อกำหนดและกฎหมายในการควบคุมและรับรององค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการแนะนำช่องทางและแนวโน้มการตลาดที่สัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและขายได้จริง
Q2. ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ OEM/ODM ประมาณเท่าไร
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งในแต่ละขั้นตอนมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นโดยประมาณ ดังนี้
วิจัยและพัฒนาสูตร ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท/สูตร
จดทะเบียน ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท/สูตร
การผลิต ราคาเริ่มต้น ดูจากจำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ
บรรจุตัวยา/Repack ราคาเริ่มต้น 100 บาท/ชุด
การออกแบบ ราคาเริ่มต้น 4,500 บาท/ผลิตภัณฑ์
ที่ปรึกษา ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท
* ราคาดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดเป็นราคาโดยประมาณ ราคาสรุปอาจเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่างๆ เช่น สูตร วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ จำนวนการผลิต เป็นต้น
Q3. จำนวนการสั่งผลิตขั้นต่ำ แต่ละชนิด
ด้วยนโยบายของเราที่ต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดเล็กหรือผู้เริ่มต้นธุรกิจ เราจึงบริการรับสั่งผลิตขั้นต่ำกว่าโรงงานอื่นๆ ทั้งในด้านราคาและจำนวน ดังนี้
เม็ด (Tablet) MOQ: 10,000 เม็ด
แคปซูล (Capsule) MOQ: 10,000 แคปซูล
ผงชงดื่ม (Powder) MOQ: 10,000 ซอง
Q4. อยากทราบว่าในการผลิตสินค้า 1 ตัว มีขั้นตอนอะไรบ้าง และใช้ระยะเวลาแต่ละขั้นตอนประมาณเท่าไร
ขั้นตอนการผลิตสินค้าและระยะเวลาขอสรุปเบื้องต้น ดังนี้
ขั้นตอน | รายละเอียด | ระยะเวลา | หมายเหตุ |
1. จัดทำใบเสนอราคา | ลูกค้าแจ้งรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจ้างผลิต เช่น สูตร รูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำนวน จากนั้นทางเราจัดทำใบเสนอราคาให้ | ภายใน 3-7 วัน | ลูกค้าเซ็นอนุมัติจึงจะเริ่มดำเนินงานขั้นต่อไป |
2. วิจัยและพัฒนาสูตร | แบ่งออกเป็น 2 กรณี | ภายใน 7-14 วัน | หากลูกค้ามีสูตรมาเอง ทางเราต้องตรวจสอบเอกสารรับรองของวัตถุดิบทุกตัวก่อนผลิตจริง ดังนั้นระยะเวลาขึ้นอยู่กับความเรียบร้อยของเอกสารประกอบด้วย |
3. จดทะเบียน | จดทะเบียนอาหารเสริม | ขั้นต่ำ 1-3เดือน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคิวและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ |
4. การออกแบบ | แบ่งเป็น 3 กรณี | ||
4.1 ออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช่น รูปแบบกล่อง ลักษณะฉลาก | ขั้นต่ำ 3-7 วัน | ||
4.2 ออกแบบแบรนด์ ในกรณีมีผลิตภัณฑ์หลายตัว เป็นการออกแบบภาพลักษณ์โดยรวมให้สอดคล้องกัน | ขั้นต่ำ 15-30 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติแบบของลูกค้า | |
4.3 ออกแบบอื่นๆ เช่น โบรชัวร์ โปสเตอร์ นามบัตร | ขั้นต่ำ 3-7 วัน | ||
5. การผลิตและบรรจุ | สามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันทีเมื่อได้รับทะเบียนผลิตภัณฑ์เรียบร้อย โดยดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมวัตถุดิบจนสินค้าพร้อมจำหน่าย | ขั้นต่ำ 14 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับจำนวนและความพร้อมของบรรจุภัณฑ์ |
6. จัดส่ง | เราบริการจัดส่งด้วยรถขนส่งของบริษัทเฉพาะในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับต่างจังหวัดจะเป็นบริการของบริษัทขนส่งเอกชนที่ได้มาตรฐาน | 1-2 วัน | ระยะเวลาดังกล่าวอ้างอิงในเขตกรุงเทพและปริมณฑล |
รวมระยะเวลากระบวนการผลิตสินค้า 1 ตัว โดยประมาณ | 2-3 เดือน | ระยะเวลาเป็นการเฉลี่ยโดยรวม ไม่ได้แยกประเภทของผลิตภัณฑ์์ |
Q5. อยากขายพวกอาหารเสริมแต่งบยังไม่พอจะทำแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ก็อยากหาสินค้าใหม่ๆ ไปขาย
- ทางเรามีลูกค้าที่มาใช้บริการจ้างผลิตอยู่จำนวนมาก มีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ เจ้าของธุรกิจขนาดย่อม กระทั่งพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย เราสามารถเป็นคนกลางช่วยประสานงานเบื้องต้นหรือแนะนำระหว่างผู้ประกอบการที่มีแบรนด์ของตัวเองกับลูกค้าที่กำลังสรรหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไปค้าขาย ซึ่งเราก็มีบริการทางด้านที่ปรึกษาการตลาดให้หากลูกค้าต้องการ ดังนั้นลูกค้าใหม่ที่ยังมีงบไม่มากแต่อยากเริ่มเข้ามาลงทุนในธุรกิจอาหารเสริมก็สามารถทำได้ โดยมุ่งเน้นที่เรื่องการทำตลาดและการขายก่อน และเมื่อพร้อมจึงค่อยเริ่มสู่การทำแบรนด์ของตัวเอง
Q6. กรณีลูกค้ามีวัตถุดิบหรือสารสกัดเองอยู่แล้ว แต่ต้องการให้เราผลิตให้ สามารถทำได้มั้ย
- ในกรณีนี้แม้ว่าลูกค้าจะมีเอกสาร COA, Specification, หรือเอกสารรับรองต่างๆ ทางเราต้องขอรบกวนลูกค้าให้ทางผู้ขายวัตถุดิบหรือสารสกัดเหล่านั้นติดต่อกับเราอีกครั้ง เพื่อเราสามารถประสานงานเรื่องคุณภาพและคุณสมบัติอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนรับผลิต
ทั้งนี้หากลูกค้าไม่มีเอกสารรับรอง ทางเราจะไม่รับตัววัตถุดิบหรือสารสกัดนั้นๆ มาผลิต แต่หากลูกค้ายืนยันต้องการผลิต เราจะนำวัตถุดิบของเรามาใช้ผลิตแทน
Q7. เงื่อนไขการชำระเงินของการจ้างเป็นอย่างไร
- แบ่งชำระเป็น 2 งวด คือ 50% พร้อมใบสั่งซื้อ/สัญญาจ้าง และอีก 50% ณ วันส่งสินค้า
Q8. บริการทางด้านงานออกแบบ มีอะไรบ้าง
- ทางเรามีทีมงานออกแบบโดยเฉพาะทั้ง Graphic Designer และ Packaging Designer ซึ่งสามารถให้บริการออกแบบตั้งแต่ ตัววัสดุและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ฉลากสินค้า โลโก้/ตราสินค้า/แบรนด์ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น โบรชัวร์ โปสเตอร์ นามบัตร X-stand Roll-up ป้ายไวนิล เป็นต้น โดยเราจะทำปรู้ฟ (Proof) และแบบจำลอง (Mock up) ให้ทางลูกค้าก่อนการผลิตจริงทุกครั้ง ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกขอ Artwork จากเราไปสั่งพิมพ์เองหรือจะใช้บริการพิมพ์จากเราโดยตรงเลยก็ได้
Q9. ทางโรงงานสามารถทำสัญญาการผลิตหรือ licence ของผลิตภัณฑ์หรือสูตรกับลูกค้าได้มั้ย คือเคยจ้างโรงงานหนึ่งผลิตอาหารเสริมให้ แต่สุดท้ายโรงงานนั้นมีผลิตภัณฑ์คล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่เราจ้างเพียงแต่มีการปรับสูตรต่างกันเล็กน้อย
- ทางเรายินดีทำสัญญาร่วมกับลูกค้า โดยสามารถ....
- ทำสัญญาความลับทางการค้า trade secret agreement
- ทำสัญญาความลับทางเกี่ยวกับการให้บริการทั้งหมด Confidential Agreement หรือ Non-Disclosure Agreement (NDA)
- ทำสัญญาสูตรพิเศษเพียงหนึ่งเดียว Exclusive Agreement
นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นกับทางเราได้ เนื่องจากเรายังไม่เป็น OBM จึงไม่มีการผลิตที่มีการสร้างแบรนด์ของตัวเอง และนโยบายที่ชัดเจนในการให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ และไม่คล้ายกับในท้องตลาด
Q10. อยากทราบว่า OEM กับ ODM คืออะไร แล้วแตกต่างกันอย่างไร
OEM ย่อมาจาก Origianl Equipment Manufacturer หมายถึงการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด โดยใช้การผลิตของเรารวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วย มักจะเป็นโรงงานเปิดใหม่ ๆ หรือโรงงานที่ไม่เน้นการสร้างแบรนด์ของตนเอง และโรงงานที่ไม่มีความชำนาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์
ODM ย่อมาจาก Original Design Manufacturer หมายถึงการผลิตของโรงงานที่มีรูปแบบการพัฒนาดีไซน์ รูปแบบสินค้าได้เอง และเอาสินค้าเหล่านั้นไปเสนอขายให้ลูกค้าอีกทีหนึ่ง มักจะเป็นโรงงานที่พัฒนามาจาก OEM ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ด้วยดีไซน์ ซึ่งดีไซน์เหล่านี้จะเป็น Exclusive หรือ non exclusive ก็ได้
OBM ย่อมาจากคำว่า Original Brand Manufacturer หมายถึงการผลิตที่มีการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เป็นโรงงานที่พัฒนาได้เต็มที่แล้ว ถ้าจะซื้อสินค้า ก็ต้องซื้อภายใต้แบรนด์ของโรงงานเท่านั้น